What's happening?

Video Sources 2 Views Report Error

  • องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ
องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ ถวายเงินเกือบ 50 ล้าน อีกฝ่ายโต้ เธอแหละเนรคุณ

องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ ถวายเงินเกือบ 50 ล้าน อีกฝ่ายโต้ เธอแหละเนรคุณ

Your rating: 0
7 1 vote

Synopsis

องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ ถวายเงินเกือบ 50 ล้าน อีกฝ่ายโต้ เธอแหละเนรคุณ เกิดกระแสดราม่าสนั่นโซเชียล เมื่อหญิงสาว รายหนึ่งออกมาเปิดเผยผ่านสื่อว่า ตนเคยถวายทรัพย์เกือบ 50 ล้านบาทให้กับผู้ที่อ้างตนว่าเป็น “องค์เทพประทับทรง” โดยเชื่อว่าเป็นการทำบุญและบูชาเพื่อเสริมโชคลาภและความรุ่งเรืองในชีวิต

เจ้าตัวยืนยันว่า ได้มอบเงินไปอย่างเต็มใจตลอดระยะเวลาหลายปี โดยเชื่อมั่นว่าเป็นการ “ถวายให้เทพ” ที่เธอนับถือมาตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อมีปัญหาภายหลังเกี่ยวกับการเงินและความสัมพันธ์ เธอเริ่มตั้งคำถามกับความเชื่อดังกล่าวและออกมาเปิดโปงผ่านสื่อ

ด้านอีกฝ่ายที่ถูกกล่าวหา ออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมตอบโต้ว่า “เธอแหละที่เนรคุณ หลังจากได้ทุกอย่างแล้วก็หันหลังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์”

กรณีนี้สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์อย่างมาก โดยมีชาวเน็ตแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย บางส่วนวิจารณ์การแสวงหาประโยชน์ผ่านความเชื่อ ขณะที่อีกส่วนกลับเห็นใจทั้งสองฝ่าย และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่าเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่   เว็ปหนังดูฟรี

องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ เผยเคยถวายทรัพย์เกือบ 50 ล้าน

เรื่องราวสุดอื้อฉาวที่กลายเป็นกระแสร้อนบนโลกออนไลน์ เมื่อหญิงสาว LGBTQ รายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่าเธอเคย “ถวายเงิน” รวมกว่า 50 ล้านบาท ให้กับบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็น “ร่างทรงองค์เทพ” โดยเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเสริมบุญบารมี เสริมโชคลาภ และช่วยเปิดทางชีวิตให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความรัก และสุขภาพ  องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอเริ่มพบว่าตัวเองตกอยู่ในภาวะทางการเงินที่ย่ำแย่ และเริ่มตั้งคำถามกับความศรัทธาที่เธอเคยมี จนกระทั่งตัดสินใจออกมาเปิดโปงพฤติกรรมของผู้ที่เคยเป็น “ครูบาอาจารย์” ในสายตาของเธอ

อีกฝ่ายที่ถูกกล่าวหาไม่ได้นิ่งเฉย ออกมาตอบโต้ในทันทีว่า สาวคนดังกล่าวต่างหากที่ “เนรคุณ” เพราะในวันที่ได้ดี เธอไม่เคยปฏิเสธการรับพรและโชคลาภจากองค์เทพ แต่พอมีปัญหาทางการเงินกลับย้อนศรกล่าวหาอย่างไร้ความเคารพ

ประเด็นร้อนนี้สะท้อนให้เห็นถึงมิติของ ความเชื่อ ความศรัทธา การใช้ศาสนาและจิตวิญญาณในทางที่อาจนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ โดยไม่อาจแยกแยะได้ชัดเจนว่าใคร “ศรัทธาเกินขอบเขต” หรือใครกันแน่ที่ “บงการความเชื่อเพื่อผลกำไรส่วนตัว”

เรื่องนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้จุดกระแสถกเถียงในสังคมไทยเกี่ยวกับพฤติกรรมของ “ร่างทรง” การใช้ศาสนาแอบแฝงผลประโยชน์ และบทบาทของผู้ศรัทธาในยุคที่ข่าวลือแพร่ไวเท่าความเร็วแสง

ผู้เสียหาย: จากศรัทธาสู่บาดแผลใจ – เส้นทางของหญิงสาว LGBTQ ผู้ถวายเงินเกือบ 50 ล้าน

ผู้เสียหายที่ตกเป็นข่าวใหญ่ครั้งนี้ คือหญิงสาว LGBTQ วัยประมาณ 30 กว่า ซึ่งในช่วงแรกของชีวิตเคยประสบกับปัญหาหนักทั้งเรื่องครอบครัว การงาน และความรัก เธอจึงเริ่มแสวงหาที่พึ่งทางจิตใจ และพบเจอกับกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็น “ผู้รับองค์เทพ” หรือ “ร่างทรง”

ในตอนแรก เธอเล่าว่าทุกอย่างดูบริสุทธิ์และมีความหวัง ร่างทรงคนดังกล่าวให้คำแนะนำที่เหมือนจะช่วยเปลี่ยนชีวิต ทั้งในด้านการงาน การเงิน และจิตใจ เธอเริ่มศรัทธาอย่างแรงกล้า และเริ่มทำพิธีบูชาต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมถึง “ถวายทรัพย์” เป็นเงินครั้งละหลายแสนถึงหลักล้านบาท โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยเปิดทางชีวิต

“ดิฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันดีขึ้นจริง ๆ ตอนนั้นเหมือนมีแสงสว่างใหม่ในชีวิต”
— คำพูดของผู้เสียหายจากการสัมภาษณ์ในคลิปหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป เธอเริ่มพบว่าตัวเองจมอยู่กับการถวายเงินจนหมดทรัพย์ มีหนี้สินรุงรัง และเริ่มถูกกดดันให้ “ถวายเพิ่ม” เพื่อแก้กรรมเก่า หรือบูชาเทพเพิ่มเติม ซึ่งทุกอย่างไม่มีจุดจบที่แท้จริง

ยอดรวมตลอดหลายปี ที่เธอบอกว่าเคยถวายเงินให้กลุ่มร่างทรงนี้อยู่ที่ เกือบ 50 ล้านบาท – จำนวนมหาศาลที่ทำให้เธอแทบหมดตัว และเริ่มตระหนักได้ว่า บางอย่างในความศรัทธานั้นอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่บริสุทธิ์

ผู้เสียหายตัดสินใจออกมาเปิดโปงผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้งเปิดเผยหลักฐานบางส่วน เช่น สลิปการโอนเงิน, คลิปเสียงสนทนา และบทสนทนาแชท ที่อ้างว่าแสดงถึงการชักจูงให้ถวายเงินเพื่อ “องค์เทพใช้”

แม้เรื่องนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และยังไม่มีข้อยุติทางกฎหมาย แต่การออกมาแสดงตนอย่างกล้าหาญของเธอทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงการใช้ศรัทธาในทางที่อาจเอาเปรียบ และขอให้มีการตรวจสอบอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ศรัทธาที่แลกมาด้วยน้ำตา  จากคำว่า “องค์เทพ” สู่การสูญเสียครั้งใหญ่ของหญิงสาว LGBTQ

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อหญิงสาว LGBTQ รายหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหวังในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ได้เข้าไปเกี่ยวพันกับกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าตนมี “องค์เทพ” ลงประทับ และสามารถชี้ทางชีวิตได้ ทั้งด้านโชคลาภ สุขภาพ ความรัก ไปจนถึงเส้นทางสู่ความร่ำรวย

หญิงสาวคนนี้เล่าว่า เธอพบกับ “ร่างทรง” รายหนึ่งในงานพิธีบวงสรวงครั้งหนึ่ง และได้รับคำทำนายที่ตรงกับชีวิตอย่างน่าประหลาดใจ ตั้งแต่นั้นมา เธอเริ่มมีความเชื่อมั่นว่า “องค์เทพประทานพรให้เธอโดยตรง” และเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางจิตวิญญาณของกลุ่มนั้นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ

จากหลักพันสู่หลักล้าน ในช่วงแรก เงินที่เธอถวายมีเพียงไม่กี่พันบาท เป็นค่าทำบุญ ค่าของไหว้บูชา หรือร่วมพิธีกรรมเล็ก ๆ แต่เมื่อเธอได้รับคำทำนายว่า “หากถวายมากขึ้น องค์เทพจะเปิดเส้นทางรวยให้เร็วขึ้น” เธอจึงเริ่มโอนเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับหลักแสนและหลักล้าน

ผู้เสียหายระบุว่า ร่างทรงและทีมงานมักกล่าวว่า “องค์เทพต้องการสร้างวิมานบนสวรรค์” หรือ “ต้องใช้เงินเพื่อเปิดประตูบุญ” ซึ่งทำให้เธอเชื่อว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ที่จะส่งผลดีต่อชีวิตและชาติภพหน้า

ตลอดระยะเวลา กว่า 6 ปี ที่เธออยู่ในกลุ่มนี้ เธอถวายเงินไปเกือบ 50 ล้านบาท ทั้งจากรายได้ส่วนตัว การขายทรัพย์สิน และแม้แต่การกู้ยืมเงินจากธนาคาร

เมื่อศรัทธาเริ่มร้าว องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ

แต่แล้วสิ่งที่เธอเชื่อมั่นมาตลอดก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเธอสังเกตว่าชีวิตไม่ได้ดีขึ้นตามที่องค์เทพเคยทำนาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความรัก หรือฐานะทางการเงิน ตรงกันข้าม กลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ชีวิตเริ่มสับสน จนเข้าสู่ภาวะเครียดและเป็นโรคซึมเศร้า

เธอพยายามขอคำอธิบายจากร่างทรง แต่กลับได้รับคำตอบว่า “ยังไม่ถึงเวลา” หรือ “เจ้ากรรมนายเวรยังไม่ปล่อย” ซึ่งในที่สุด เธอเริ่มตั้งคำถามว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือศรัทธาที่บริสุทธิ์ หรือเป็นการชักจูงที่แฝงไว้ด้วยผลประโยชน์ 

จุดแตกหัก องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ

วันหนึ่ง เธอตัดสินใจหยุดถวายเงิน และหันมาศึกษาธรรมะด้วยตัวเอง จนพบความขัดแย้งหลายจุดระหว่างคำสอนทางศาสนา กับพฤติกรรมของกลุ่มร่างทรงนั้น เมื่อเธอเริ่มถอนตัวและออกมาเปิดเผยความจริงผ่านโซเชียล มีการปล่อยหลักฐาน เช่น สลิปการโอนเงิน บทสนทนาในไลน์ และเสียงอัดบทพูดที่มีเนื้อหาส่อแววการบีบบังคับ 

ฝ่ายร่างทรงตอบโต้ เมื่อฝ่ายร่างทรงทราบเรื่อง ก็ออกมาโพสต์ตอบโต้ทันที พร้อมกล่าวหาว่าเธอ “เนรคุณ” และ “รับพรมาหลายปี พอไม่ได้ดั่งใจก็กล่าวหาองค์เทพ” ทั้งยังกล่าวอีกว่า เงินที่ถวายล้วนเป็นการให้โดยสมัครใจ และไม่เคยมีการบังคับใด ๆ

เรื่องราวนี้กลายเป็นข่าวดังในวงการจิตวิญญาณ และจุดกระแสในโลกออนไลน์ให้ผู้คนตั้งคำถามถึง “ความศรัทธา” กับ “การถูกหลอกโดยศรัทธา” ที่อาจก้ำกึ่งและยากจะแยกแยะดูหนังฟรีออนไลน์

สรุป: ดราม่าศรัทธา หรือการแสวงหาผลประโยชน์?  

เรื่องราวของหญิงสาว LGBTQ ที่ออกมาเปิดเผยว่าเธอเคยถวายเงินเกือบ 50 ล้านบาท ให้กับผู้ที่อ้างตนเป็น “ร่างทรงองค์เทพ” ไม่เพียงแต่สะเทือนความเชื่อส่วนบุคคล แต่ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคมในวงกว้าง เพราะกรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ “ศรัทธา” เป็นเครื่องมือ ซึ่งอาจนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์โดยไร้ขอบเขต

หญิงสาวรายนี้เริ่มต้นด้วยความศรัทธาที่บริสุทธิ์ มุ่งหวังจะเปลี่ยนชีวิตผ่านการทำบุญและบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอกลับพบว่าความศรัทธาอันแรงกล้า กลายเป็นกับดักที่พาเธอสูญเสียทรัพย์สิน จิตใจ และเกือบหมดอนาคต

ขณะที่ฝ่ายร่างทรงออกมาตอบโต้ว่าเธอ “เนรคุณ” และทุกอย่างเกิดจากความสมัครใจ ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด ซึ่งสร้างคำถามใหญ่ในสังคมว่า ความสมัครใจที่เกิดจากความหลงเชื่อ สามารถเรียกว่า “ความยินยอม” ได้จริงหรือไม่?

คดีนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและพิจารณาในหลายมิติ ทั้งทางกฎหมาย จริยธรรม และศาสนา โดยสังคมคาดหวังว่ากรณีนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนให้ผู้คน แยกให้ออกระหว่าง “ศรัทธา” กับ “การงมงาย” และเรียกร้องให้มีการควบคุมกลุ่มร่างทรงหรือผู้แอบอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ล้ำเส้นเข้าสู่การหากินกับความเปราะบางของผู้อื่น

Original title องค์เทพต้องการใช้เงิน สาว LGBTQ

Director

Director

Cast

Similar titles

Leave a comment