
โหนกระแส EP1955 มิจจี้หรือที่รักสาวร้องโดนหลอกให้แต่งงานแล้วยืมเงินสร้างหนี้ ในยุคที่ความรักสามารถเกิดขึ้นรวดเร็วผ่านโลกออนไลน์หรือการรู้จักกันเพียงไม่นาน กลับกลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อของ “ความรักปลอม” ที่แฝงเจตนาหลอกลวง ล่าสุด รายการ โหนกระแส EP.1955 ได้เผยเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่กล้าออกมาเปิดโปงความเจ็บปวดในชีวิต หลังถูกชายที่อ้างว่ารักเธออย่างสุดหัวใจ พาไปแต่งงานต่อหน้าครอบครัว ก่อนจะเปลี่ยนสถานะจาก “ที่รัก” กลายเป็น “มิจฉาชีพ”
เธอถูกชักจูงให้กู้ยืมเงินเพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน แต่สุดท้ายกลับต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบหนี้สินเพียงลำพัง ขณะที่ฝ่ายชายหายตัวไปไม่เหลียวแล กลายเป็นคดีสะเทือนใจที่สะท้อนปัญหา “หลอกลวงด้วยความรัก” หรือที่เรียกกันว่า Love Scam เวอร์ชันไทย ซึ่งกำลังแพร่หลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมปัจจุบัน
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่บทเรียนของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่คือกระจกสะท้อนให้สังคมเห็นว่า ความรักที่ไม่ระวัง อาจกลายเป็นเครื่องมือของการฉ้อโกง และทำให้คนธรรมดาต้องจมอยู่กับหนี้และความทุกข์ทางใจโดยไม่ควรต้องรับผิดแทนใคร เว็ปหนังดูฟรี
หญิงสาวผู้เสียหาย ซึ่งเข้าร่วมรายการ โหนกระแส ได้เล่าถึงประสบการณ์สุดเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเธอ โดยเริ่มต้นจากการคบหาดูใจกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแสดงท่าทีอ่อนโยน จริงใจ และทุ่มเทอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์ โดยมักเรียกตนเองว่า “ที่รัก” กับเธออยู่เสมอ
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองเริ่มคบกัน ชายคนดังกล่าวได้สร้างความมั่นใจด้วยการพาเธอไปพบครอบครัวของเขา และจัดพิธีแต่งงานตามประเพณีในต่างจังหวัด โดยมีญาติพี่น้องของฝ่ายชายเป็นพยาน ทำให้เธอเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า ความรักครั้งนี้เป็นเรื่องจริง และเธอกำลังเริ่มต้นชีวิตคู่ที่มั่นคง
แต่เพียงไม่นานหลังแต่งงาน ฝ่ายชายเริ่มร้องขอความช่วยเหลือด้านการเงิน โดยอ้างว่าอยากเริ่มต้นชีวิตร่วมกัน เปิดธุรกิจ หรือต้องใช้เงินในการซ่อมแซมบ้าน เขาชักชวนให้เธอเป็นผู้กู้เงินหรือค้ำประกันในนามของตนเอง ด้วยคำมั่นสัญญาว่า “จะรับผิดชอบทุกอย่าง”
เมื่อเงินถูกกู้มาแล้วหลายครั้ง ยอดหนี้สะสมมากกว่า 100,000 บาท ชายหนุ่มก็เริ่มตีตัวออกห่าง ติดต่อไม่ได้ และสุดท้ายหายตัวไปจากชีวิตเธอโดยไร้คำอธิบาย ปล่อยให้หญิงสาวเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ โทรศัพท์ทวงเงิน และภาระทางการเงินที่ไม่มีใครรับผิดชอบแทน
เหตุการณ์นี้ทำให้หญิงสาวต้องตกอยู่ในภาวะเครียดจัด เสียชื่อเสียง สูญเสียความมั่นใจ และมีผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน มีผู้หญิงอีกหลายรายเริ่มทยอยเปิดเผยว่าตนก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกันกับชายคนเดียวกัน หรือมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน
และชักชวนให้กู้เงินเพื่อใช้ในชีวิตคู่ เธอกลายเป็นผู้ที่ต้อง แบกรับหนี้สินกว่า 100,000 บาท เพียงลำพัง โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้:
หนี้สินที่เกิดจาก “ความรักปลอม” ชายคนดังกล่าวหลอกล่อด้วยถ้อยคำหวาน พร้อมแผนสร้างอนาคต เช่น เปิดร้าน ทำบ้าน ฯลฯ
อ้างว่าไม่มีเครดิต หรือยังไม่พร้อมยื่นกู้ จึงขอให้หญิงสาวเป็นคน “จัดการทางการเงิน” แทน
หญิงสาวหลงเชื่อด้วยความรัก และความไว้วางใจหลังผ่านพิธีแต่งงานแบบประเพณี
มีการกู้เงินผ่านแอปทางการเงิน และสินเชื่อส่วนบุคคลหลายแห่ง โดยเธอเป็นผู้เซ็นสัญญา
ผลที่ตามมา หลังจากได้เงินกู้ ชายหนุ่มเริ่มตีตัวออกห่าง ก่อนจะหายตัวไปไม่รับผิดชอบ
เจ้าหนี้เริ่มโทรศัพท์ติดตามหนี้ กดดันให้ชำระเงินตรงเวลา
หญิงสาวต้องเผชิญหน้ากับความจริงว่า หนี้สินทั้งหมดตกอยู่กับเธอคนเดียว
ไม่มีหลักฐานสัญญายืมเงินที่ระบุว่าเป็นฝ่ายชายผู้ใช้เงิน สภาพจิตใจย่ำแย่ ต้องขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ และกำลังพยายามหาช่องทางทางกฎหมายเพื่อเอาผิด
กรณีนี้สะท้อนชัดเจนว่า ในยุคที่ “ความรัก” ถูกใช้เป็นเครื่องมือของ มิจฉาชีพทางอารมณ์ การไว้ใจผิดคนอาจนำไปสู่ ความสูญเสียทางการเงินและจิตใจอย่างรุนแรง ได้
หลังออกอากาศ รายการ โหนกระแส EP.1955 ได้จุดกระแสร้อนในโลกโซเชียลทันที โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, X (Twitter), Facebook และ YouTube ซึ่งผู้ชมต่างพากันแสดงความเห็นและวิพากษ์พฤติกรรมของชายผู้ถูกกล่าวหาอย่างรุนแรง พร้อมให้กำลังใจหญิงสาวผู้เสียหายที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องราว โพสต์และคอมเมนต์ยอดฮิต
“นี่มัน Love Scam ของจริงในคราบคนรัก” “คำว่า ‘ที่รัก’ มันกลายเป็นกับดักทางจิตวิทยาไปแล้ว” “แต่งงานหลอกๆ เพื่อหลอกเงิน คือเลวระดับมิจฉาชีพ” “ผู้หญิงหลายคนโดนแบบนี้ อย่าคิดว่าเรื่องเล็ก!”
คลิปตัดจากรายการถูกแชร์ไวรัล หลายคลิปที่ตัดจากช่วงที่หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ หรือช่วงที่ทนายแสดงความเห็น ได้รับยอดวิวหลักแสนถึงหลักล้านภายในเวลาไม่กี่วัน โดยมีคำเตือนแนบชัดว่า “รักแท้ต้องไม่เริ่มจากหนี้ และต้องไม่จบด้วยน้ำตา”
ดารา–อินฟลูเอนเซอร์ร่วมแสดงความคิดเห็น บางคนแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวว่าเคยเจอผู้ชายลักษณะคล้ายกัน ดารา/นักจิตวิทยาชื่อดังโพสต์เตือนภัยหญิงสาววัยทำงานที่มีความเสี่ยงสูง มีเพจสายกฎหมายให้ข้อมูลเรื่องการฟ้องร้องกรณีฉ้อโกงความรัก
แฮชแท็ก #มิจจี้หรือที่รัก / #โหนกระแสEP1955 / #โดนหลอกแต่งงาน ติดเทรนด์บนแพลตฟอร์ม X เสียงสะท้อนจากผู้ชมแม้ผู้ชมบางส่วนจะมองว่า ผู้เสียหายไว้ใจง่ายเกินไป หรือ “ไม่น่ากู้เงินให้ตั้งแต่แรก” แต่เสียงส่วนใหญ่กลับเห็นใจ และเรียกร้องให้รัฐเข้ามาคุ้มครองผู้หญิงจากการถูกหลอกลวงลักษณะนี้ เช่น
เสนอให้มี “กฎหมายเฉพาะ” สำหรับกรณีรักหลอกลวงทางการเงิน เรียกร้องให้สถาบันการเงินตรวจสอบการกู้แบบมีเงื่อนไขความสัมพันธ์ สนับสนุนให้ผู้หญิงรวมตัวฟ้องเป็นคดีร่วม หากพบว่าเป็น “มิจฉาชีพซ้ำซ้อน”
คดีนี้ไม่ได้เป็นเพียงดราม่าความรัก แต่กลายเป็นกระแสทางสังคมที่เปิดโปง มิติของมิจฉาชีพอารมณ์ ที่ใช้ “คำว่ารัก” เป็นเครื่องมือสร้างหนี้และทำลายชีวิตของผู้อื่น สังคมเริ่มตื่นตัวกับ “Love Scam เวอร์ชันในประเทศ” และเริ่มผลักดันให้มีการป้องกันที่จริงจังมากขึ้น
1. ใช้เหตุผลนำหน้าหัวใจ ความรักไม่ควรเร่งรีบโดยไม่รู้พื้นฐานชีวิตของอีกฝ่าย อย่าตัดสินใจสำคัญ เช่น แต่งงาน หรือกู้เงิน เพราะอารมณ์เพียงชั่วคราว หากอีกฝ่ายเร่งรีบเกินเหตุ เช่น ขอแต่งงานเร็ว ขอให้กู้เงินตั้งแต่ไม่คบกันนาน นั่นคือ “ธงแดง”
2. ตรวจสอบประวัติก่อนให้ใจ ลองค้นชื่อ–เบอร์โทร–โซเชียลมีเดียย้อนหลัง ถ้าอ้างว่าไม่มีโซเชียลเลย ให้สงสัยว่าอาจมีอะไรปิดบัง หากมีข้อมูลซ้ำซ้อน เช่น เปลี่ยนชื่อ ใช้ภาพโปรไฟล์ปลอม ให้ระวังเป็นพิเศษ
3. เรื่องเงิน “อย่าให้–อย่ากู้–อย่าค้ำ” ถ้าไม่มีเอกสารชัดเจน อย่าเป็นผู้กู้เงินแทนคนรักเด็ดขาด หากไม่มีการแต่งงานตามกฎหมายและไม่มีหลักประกัน หากให้ยืม ต้องมีหลักฐานการยืมเงินที่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือข้อความชัดเจนทางแชต จำไว้ว่า “หนี้สินตามกฎหมายไม่รู้จักคำว่ารัก” – ถ้ากู้ในชื่อคุณ คุณต้องจ่ายเอง
4. ปกป้องตัวเองในเชิงกฎหมายหากรู้สึกว่ากำลังถูกหลอก: ให้ แคปแชต, อัดเสียง, เก็บหลักฐานทุกอย่าง ทันที แจ้งความข้อหาฉ้อโกง หรือเบี้ยวหนี้โดยเจตนา ติดต่อทนายหรือองค์กรช่วยเหลือผู้หญิง เช่น สคส. หรือ มูลนิธิปวีณา
5. ขอคำปรึกษาก่อนตัดสินใจเรื่องใหญ่ มีเพื่อนสนิท–ครอบครัว–ที่ปรึกษาทางอารมณ์ที่ไว้ใจได้ อย่าเก็บเรื่องทุกอย่างไว้คนเดียว รักแท้ไม่เร่งคุณให้แบกหนี้ ไม่บังคับให้เสียทรัพย์ และไม่ทำให้คุณรู้สึกอยู่คนเดียว
สรุปแนวคิดสำคัญ: “รักแท้ต้องมีสติ ไม่ใช่มีแต่หนี้” “หัวใจไว้ให้คนดี แต่เอกสารทางการเงิน ต้องอยู่ในมือคุณ” “หากความรักต้องใช้เงินเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้สงสัยว่า…เขารักคุณจริง หรือรักกระเป๋าคุณมากกว่า?”
เหตุการณ์เริ่มต้นจากหญิงสาวรายหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวในรายการ โหนกระแส โดยระบุว่าเธอถูกชายคนรัก ซึ่งใช้ถ้อยคำหวาน เรียกตัวเองว่า “ที่รัก” และแสดงความจริงใจอย่างต่อเนื่อง หลอกลวงให้เชื่อว่าเป็นคนรักที่ต้องการสร้างอนาคตร่วมกัน
หลังจากคบหากันไม่นาน ชายคนดังกล่าวได้พาเธอไป “แต่งงานแบบประเพณี” ที่บ้านเกิดของตนเอง โดยมีญาติพี่น้องเป็นสักขีพยาน ทำให้เธอเชื่อมั่นในความสัมพันธ์นี้อย่างเต็มที่ จากนั้น เขาเริ่มขอให้เธอเป็นผู้กู้เงินในนามของตนเอง ด้วยข้ออ้างว่าจะนำเงินไปใช้เริ่มต้นชีวิตคู่ เช่น ซื้อของใช้, ซ่อมบ้าน, เปิดร้านเล็ก ๆ
หญิงสาวหลงเชื่อและตกลงกู้เงินหลายครั้ง จนยอดหนี้พุ่งขึ้นมากกว่า 100,000 บาท โดยที่ชายคนรักไม่ได้ร่วมชำระแม้แต่บาทเดียว และในเวลาต่อมา เขาเริ่มตีตัวออกห่าง สุดท้ายหายตัวไปโดยไม่รับผิดชอบต่อหนี้ใด ๆ ทั้งสิ้น
เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าเธอถูกหลอก เธอจึงตัดสินใจมาเปิดเผยเรื่องราวผ่านสื่อ เพื่อเตือนภัยผู้หญิงคนอื่น และเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ขณะเดียวกัน รายการได้พยายามติดต่อฝ่ายชายแต่ไม่สามารถเข้าร่วมรายการได้ ทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามว่า นี่อาจไม่ใช่แค่ “รักลวง” ธรรมดา แต่คือรูปแบบของ “มิจฉาชีพทางอารมณ์” ที่แฝงมากับความสัมพันธ์
หญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมาเปิดใจในรายการ โหนกระแส EP.1955 ว่าเธอถูกชายคนรักหลอกให้เชื่อว่าเป็นความสัมพันธ์จริงจัง โดยพาเธอไปจัดพิธีแต่งงานตามประเพณีในต่างจังหวัด ก่อนจะขอให้เธอกู้เงินเพื่อใช้เริ่มต้นชีวิตคู่ ด้วยคำสัญญาว่าจะรับผิดชอบร่วมกัน
หลังจากเธอกู้เงินในนามของตนเองจนเป็นหนี้กว่า 100,000 บาท ฝ่ายชายกลับค่อย ๆ ตีตัวออกห่าง และสุดท้ายหายตัวไปโดยไม่จ่ายหนี้ใด ๆ ปล่อยให้หญิงสาวต้องเผชิญกับภาระทางการเงินเพียงลำพัง
เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์ หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวคล้าย มิจฉาชีพทางความรัก (Love Scam) ที่แฝงตัวมาในรูปแบบของคนรัก พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ และช่วยเหลือเหยื่อด้านกฎหมาย
บทเรียนสำคัญ ความรักไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเงิน ผู้หญิงยุคใหม่ควรใช้เหตุผลและตรวจสอบก่อนเชื่อใจ ความไว้ใจที่ไม่มีเอกสารรองรับ อาจกลายเป็นหนี้ระยะยาว ดูหนังฟรีออนไลน์