What's happening?

Video Sources 1 Views Report Error

  • โหนกระแส EP1957
โหนกระแส EP1957 ฮุนเซนเร็กคอร์ด ทำวุ่น

โหนกระแส EP1957 ฮุนเซนเร็กคอร์ด ทำวุ่น

Your rating: 0
8 1 vote

Synopsis

โหนกระแส EP1957 ฮุนเซนเร็กคอร์ด ทำวุ่น ในยุคที่การเมืองไทยเปราะบางต่อทุกการเคลื่อนไหวจากทั้งในและนอกประเทศ รายการ โหนกระแส EP.1957 ได้จุดประเด็นร้อนกลางรายการอีกครั้ง เมื่อพูดถึงกรณีที่เรียกกันว่า “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” – การกล่าวอ้างว่าอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จฮุนเซน อาจมีบทสนทนาหรือข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจในไทย ซึ่งนำไปสู่ความวุ่นวายและกระแสข่าวลือเกี่ยวกับ การยุบสภา และความไม่พอใจในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล

การหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากลางจอ ทำให้สังคมเกิดความสนใจต่อบทบาทของผู้นำต่างชาติในความมั่นคงของไทย และตั้งคำถามว่า ผู้นำในไทยมีความเชื่อมโยงหรือมีจุดอ่อนอย่างไร ถึงทำให้ผู้นำเพื่อนบ้านมีอิทธิพลถึงขั้นนี้ได้?

นอกจากนี้ยังเกิดกระแสการเมืองปั่นป่วน ทั้งในสภาและโซเชียล เมื่อหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลที่ฮุนเซนออกมาพูดอาจเป็นเพียง “น้ำหยดเล็กๆ” ที่ทำให้กลไกรัฐบาลไทยสั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน เว็ปหนังดูฟรี

ภาพรวมเหตุการณ์ “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” ทำวุ่นการเมืองไทย โหนกระแส EP1957

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นจากการที่ สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์และกล่าวถึง “บทสนทนา” หรือ “ความสัมพันธ์ระดับผู้นำ” ระหว่างเขากับฝ่ายผู้มีอำนาจในประเทศไทย ซึ่งเนื้อหานั้นสื่อออกไปในลักษณะที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายบริหารไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อโยงถึงประเด็นความมั่นคง, การควบคุมชายแดน และความสัมพันธ์ส่วนตัวเชิงอิทธิพล

ข่าวลือนี้ถูกขยายผลอย่างรวดเร็วในโลกออนไลน์ และมีการใช้คำว่า “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” เพื่อสื่อถึง “บทสนทนาลับ” หรือ “ข้อมูลที่อาจมีน้ำหนักในการต่อรองหรือกดดันฝ่ายบริหารของไทย”

จากนั้นสถานการณ์ยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อมีรายงานว่า สำนักข่าว Khmer Times ซึ่งมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา ได้ลบโพสต์ที่อ้างว่า “ฮุนเซนสั่งปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา”

ฝ่ายการเมืองในไทยเริ่มเคลื่อนไหว โดยมีบางพรรคการเมืองที่เป็น พรรคร่วมรัฐบาล แสดงความไม่พอใจและมีการเคลื่อนไหวคล้าย “ดีดตัว” ออกจากการสนับสนุนฝ่ายบริหาร

รายการ โหนกระแส ซึ่งออกอากาศในช่วงเวลานั้น ได้นำประเด็นนี้มาวิเคราะห์แบบไม่อ้อมค้อม โดยตั้งคำถามว่า: ฮุนเซนมีข้อมูลอะไรบ้างที่ทำให้คนในรัฐบาลไทยสะเทือน?

หรือมีใครในไทยที่ไปสร้างสายสัมพันธ์ลึกเกินควรกับผู้นำต่างชาติ? เรื่องนี้จะนำไปสู่การ “ยุบสภา” หรือเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจในรัฐบาลปัจจุบันหรือไม่?

สถานการณ์ขณะนี้ ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของผู้นำ สื่อหลายสำนักเริ่มนำเสนอเรื่อง “อิทธิพลข้ามพรมแดน” และ “บทบาทของกัมพูชาในภูมิรัฐศาสตร์ไทย”

กลุ่มการเมืองบางฝ่ายเริ่มออกมาแถลงให้รัฐบาล “เคลียร์ข้อเท็จจริง” อย่างโปร่งใส ขณะเดียวกัน ผู้ชมรายการโหนกระแสยกย่องว่ารายการกล้าหยิบเรื่องนี้มาพูด แม้จะสุ่มเสี่ยงในเชิงการเมืองระดับภูมิภาค

วิเคราะห์แรงกระเพื่อมทางการเมือง จาก “ฮุนเซนเร็กคอร์ด”

1. เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน – พรรคร่วมเริ่ม ‘ถอยห่าง’ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อหา “เร็กคอร์ด” อย่างเป็นทางการ แต่เพียงแค่คำอ้างจากอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าเคยได้รับ “ข้อเสนอทางการเมือง” จากฝ่ายอำนาจในไทย ก็เพียงพอที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเริ่ม “ดีดตัว” ออกจากการแสดงจุดยืนร่วม

การที่พรรคร่วมแสดงความอึดอัดใจต่อประเด็นนี้ อาจส่งผลในเชิง ไม่ไว้วางใจระดับพรรคต่อแกนกลางรัฐบาล ซึ่งในระบบการเมืองไทยที่เสียงปริ่มน้ำเป็นตัวชี้วัดหลัก หากเพียงพรรคเดียวถอนตัว อาจนำไปสู่การ “ล่มกลางสภา” ได้ทันที

2. พรรคฝ่ายค้านเริ่มใช้เป็น ‘อาวุธโจมตีทางการเมือง’ ฝ่ายค้าน เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย (ในฐานะพรรคร่วมที่ไม่เป็นแกน) ต่างใช้โอกาสนี้ในการเรียกร้อง ความโปร่งใสในการติดต่อกับต่างประเทศ พร้อมตั้งคำถามว่า ข้อเสนอที่ว่าไทยเคยร้องขอกัมพูชาให้ช่วยเหลือทางการเมืองนั้นคืออะไร?

มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือการแลกเปลี่ยนเชิงลับหรือไม่? คำถามเหล่านี้กลายเป็น แรงกดดันเชิงสังคมและสื่อ ที่อาจนำไปสู่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา ซึ่งจะเป็นหมากตัดสินเสถียรภาพของรัฐบาลในระยะต่อไป

3. ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาถูกจับตามองแบบไม่ปกติโดยทั่วไป ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ในระดับประคองสมดุล แต่กรณีนี้ทำให้ ความสัมพันธ์เปลี่ยนสถานะเป็นความคลุมเครือ

เมื่อผู้นำต่างชาติเปิดเผยความลับระดับสูงแบบนี้ สะท้อนถึง “ช่องโหว่” ทางการเมืองไทย หากเกิดการเปิดหลักฐานจริง ไทยอาจเผชิญ “วิกฤตความน่าเชื่อถือ” ทั้งในประเทศและระดับอาเซียน

4. โอกาสนำไปสู่ “การยุบสภา” หรือเปลี่ยนโครงสร้างรัฐบาลความวุ่นวายจากข่าวลือเร็กคอร์ดนี้ บวกกับความตึงเครียดภายในพรรคร่วม และแรงต้านจากฝ่ายค้าน อาจก่อให้เกิดสถานการณ์ที่รัฐบาล ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใหม่

ในอีกทางหนึ่ง ถ้าหมากทางการเมืองเล่นเร็ว รัฐบาลอาจเลือกใช้วิธี ปรับ ครม. หรือปรับโครงสร้างพรรคร่วม เพื่อเบี่ยงกระแสและรักษาอำนาจไว้ก่อน

5. สังคมเริ่มตั้งคำถาม: “ใครเป็นเจ้าของเร็กคอร์ด?” แรงกระเพื่อมไม่ได้อยู่แค่ในสภา แต่กระจายสู่ภาคประชาชน โดยผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่า มีการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการจริงหรือไม่?

ใครคือ “ผู้มีอำนาจในไทย” ที่ถูกพาดพิงในเร็กคอร์ดนั้น? เหตุใดฮุนเซนถึงเลือกเปิดเผยบางส่วนในจังหวะนี้? แรงกดดันทางจริยธรรมเริ่มมากกว่าทางกฎหมาย และถ้าคำตอบยังไม่ชัด ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจะลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบต่อพรรคร่วมและรัฐบาล จากกรณี “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” โหนกระแส

1. ความเชื่อมั่นระหว่างพรรคร่วมสั่นคลอน ข่าวลือเรื่องการสนทนาลับระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา “ฮุนเซน” กับบุคคลในอำนาจของไทย กลายเป็นชนวนให้เกิด ความคลางแคลงใจภายในพรรคร่วมรัฐบาล หลายพรรคเริ่มตั้งคำถามต่อความโปร่งใสของแกนหลักรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นว่า…

ใครคือผู้มีอำนาจที่ “ติดต่อ” ต่างประเทศ? มีข้อตกลงหรือ “แลกเปลี่ยนผลประโยชน์” ใดแอบแฝงหรือไม่? พรรคร่วมถูกปิดบังข้อมูลสำคัญทางความมั่นคงหรือเปล่า?

ผลคือ ความร่วมมือที่เคยแน่นแฟ้นเริ่ม เปราะบางและไม่มั่นคง พรรคเล็กบางพรรคเริ่มออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการ “สอบสวนภายใน” ขณะที่บางพรรคงดให้สัมภาษณ์หรือ “ถอยห่าง” อย่างชัดเจน

2. เสียงสนับสนุนรัฐบาลลดลงอย่างน่ากังวล กระแสข่าวและความไม่แน่นอนจากกรณีนี้ทำให้เสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภา เริ่มไม่มั่นคง โดยเฉพาะในกลุ่มพรรคที่มีส.ส.จำนวนน้อยแต่ “จำเป็นต่อการรักษาเสียงข้างมาก”

พรรคร่วมบางพรรคเริ่มส่งสัญญาณว่าจะ “ไม่ยกมือให้อีก” หากไม่มีคำชี้แจง พรรคร่วมที่เคยนิ่งเฉย เริ่มพูดผ่านสื่อว่ารู้สึกถูก “ใช้โดยไม่บอกความจริง” ในภาวะที่รัฐบาลมีเสียงไม่ถึง 300 และต้องอาศัยความร่วมมือจากพรรคพันธมิตรหลายพรรค ความสั่นคลอนนี้อาจนำไปสู่การ “โหวตแพ้ในสภา” ได้ในอนาคตอันใกล้

3. โอกาสนำไปสู่การยุบสภาหรือปรับ ครม.ด้วยแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้น รัฐบาลอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก:หากไม่เคลียร์เรื่องนี้อย่างชัดเจน จะถูกโจมตีต่อเนื่องทั้งในสภาและสื่อหากเลือก “ปรับ ครม.” เพื่อรีเซ็ตแรงต้าน ก็เสี่ยงเสียฐานเสียงจากพรรคเก่า

หากปล่อยไว้นานไป เสียงประชาชนและฝ่ายค้านอาจรวมพลังเรียกร้อง “ยุบสภา”จึงมีความเป็นไปได้ สูงที่รัฐบาลจะต้องเลือกเดินหนึ่งในสองทาง:ปรับทีมบริหารใหม่ เพื่อลดแรงกดดัน ยุบสภา เพื่อเปิดทางให้ประชาชนตัดสินใจใหม่

 4. กระทบภาพลักษณ์รัฐบาลทั้งในและนอกประเทศแม้ “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” จะยังไม่มีการเปิดเผยเต็มรูปแบบ แต่แค่การมีข่าวว่าผู้นำต่างชาติมีบทสนทนาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ก็เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลถูกมองว่า

ขาดความมั่นคงในการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยอมให้ต่างชาติมีบทบาทในเรื่องภายใน  บริหารจัดการวิกฤตข่าวสารล้มเหลว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน องค์กรระหว่างประเทศ และการเจรจาต่างประเทศในอนาคต

มุมมองความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา: เมื่อมิตรบ้านใกล้กลายเป็นเงาสะท้อนทางอำนาจ โหนกระแส EP1957

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย–กัมพูชานั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทั้งในเชิงการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และภูมิรัฐศาสตร์ แต่กรณี “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” ได้เปิดมุมใหม่ของความสัมพันธ์นี้ โดยชี้ให้เห็นว่า สายสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ได้มีเพียงมิติทางการทูต แต่ยังเกี่ยวพันกับอำนาจ การเมือง และความไว้วางใจ ในระดับสูงสุด

 1. ไทย–กัมพูชา: พรมแดนที่มากกว่าดินแดน แม้ทั้งสองประเทศจะมีพรมแดนร่วมกันกว่า 800 กิโลเมตร และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น เช่น การค้าชายแดน แรงงานกัมพูชาในไทย การพึ่งพากันในเรื่องทรัพยากรและการลงทุน

แต่ในระดับผู้นำ ความสัมพันธ์ก็เคยมีทั้งช่วง “ร้อนแรง” และ “เยือกเย็น” เช่น ข้อพิพาทเขาพระวิหาร การเมืองภายในที่ถูกโยงเข้าหากัน (เช่น การลี้ภัยของนักการเมือง) บทบาทของผู้นำที่ใช้เวทีอาเซียนในการเจรจาอำนาจ

2. กรณี “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” เปิดโปงโครงสร้างอำนาจเงา

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในกรณีนี้คือ ฮุนเซน (อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา) กล่าวอ้างว่าเคยได้รับคำขอบางประการจาก “ผู้มีอำนาจในไทย” ซึ่งสร้างข้อสงสัยว่า:ไทยมีการเจรจาหรือ “ดีลลับ” กับกัมพูชาในระดับใด?

 มีผลประโยชน์ซ่อนเร้น หรือการพึ่งพาทางการเมืองข้ามประเทศหรือไม่? ฮุนเซนใช้ความสัมพันธ์นี้เป็น “เครื่องมือทางการทูต” เพื่อสร้างแรงกดดันอะไรหรือเปล่า?

กรณีนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการเจรจาแบบรัฐต่อรัฐเท่านั้น แต่ยังพัวพันกับ “ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้นำ” ซึ่งอาจไม่อยู่ภายใต้กรอบความมั่นคงที่โปร่งใส

 3. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการทูตไทย จากกรณีนี้ ทำให้เกิดการตั้งคำถามในระดับสากลว่า ไทยสามารถควบคุมหรือปกป้องข้อมูลเชิงอ่อนไหวทางการเมืองได้หรือไม่?

ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน หากถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแทรกแซง? อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาในเวทีอาเซียน เช่น โครงการร่วมตามแนวชายแดน ความร่วมมือเรื่องแรงงานและความมั่นคง การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษไทย–กัมพูชา

 4. ไทยต้อง “รีเซ็ต” แนวทางสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ในระยะยาว หากไทยไม่เร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์และเคลียร์ความคลุมเครือจากกรณีนี้ อาจต้องเผชิญปัญหาทั้งในด้านการเมืองระหว่างประเทศและความไว้ใจจากประเทศสมาชิกอาเซียน ดังนั้น ไทยควร: จัดทำบันทึกท่าทีทางการทูต เพื่อแสดงความโปร่งใส

สื่อสารกับสาธารณะว่าไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง รักษาระยะห่างที่เหมาะสม ระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้นำ กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

กรณี “ฮุนเซนเร็กคอร์ด” เปรียบเหมือน “กระจกเงา” ที่สะท้อนความเปราะบางในโครงสร้างความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งอาจดูแน่นแฟ้นในเชิงเศรษฐกิจ แต่กลับซ่อนความลึกซึ้งทางอำนาจและเกมการเมืองระดับผู้นำไว้เบื้องหลัง

ไทยจำเป็นต้อง วางยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์กับกัมพูชาแบบใหม่ โดยยึดหลักความมั่นคงแห่งรัฐมากกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว พร้อมทั้งฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากทั้งภายในและระหว่างประเทศ

ฮุนเซนเร็กคอร์ด

“ฮุนเซนเร็กคอร์ด” หมายถึง คำกล่าวอ้างของสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเผยว่า มีผู้มีอำนาจในไทยเคยติดต่อเขาในลักษณะไม่เป็นทางการ เพื่อพูดคุยบางประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไทย โดยฮุนเซนระบุว่า เขา “มีหลักฐาน” การติดต่อพูดคุยนั้น แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในทันที หลักฐานดังกล่าวถูกเรียกโดยสื่อว่า “เร็กคอร์ด” (Record) ซึ่งอาจเป็นทั้งบันทึกเสียง ข้อความ หรือข้อมูลลับ

1. กระทบเสถียรภาพรัฐบาลไทยเมื่อมีการอ้างว่า “ผู้มีอำนาจไทย” เคยติดต่อผู้นำต่างชาติในเรื่องทางการเมืองภายใน  ทำให้เกิด ความคลางแคลงใจ ว่ามีการใช้อำนาจนอกกรอบรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเริ่ม “ดีดตัว” หรือเงียบไม่สนับสนุนแนวร่วมเดิม

2. ฝ่ายค้านใช้เป็นเครื่องมือโจมตี ฝ่ายค้านยื่นเรื่องสอบถามกลางสภา และเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ  ถ้าพบว่าข้อมูลใน “เร็กคอร์ด” มีมูลจริง อาจถึงขั้น ล้มรัฐบาล-ยุบสภา

3. กระทบความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาอาจถูกมองว่า ไม่อยู่บนฐานความเท่าเทียมทางการทูต และหากหลักฐานถูกเปิดเผยจริง ไทยอาจถูกตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมทางการเมืองในเวทีโลก

สรุป: ฮุนเซนเร็กคอร์ด โหนกระแส EP1957

“ฮุนเซนเร็กคอร์ด” คือคำที่ใช้เรียกคำกล่าวอ้างของ สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เปิดเผยว่า เคยได้รับการติดต่อจาก “ผู้มีอำนาจในไทย” เพื่อพูดคุยบางประเด็นลับที่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า มีหลักฐานการสนทนา หรือ “เร็กคอร์ด” บันทึกไว้

เหตุการณ์นี้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงในการเมืองไทย ดังนี้:

พรรคร่วมรัฐบาล บางพรรคเริ่มแสดงท่าทีถอยห่าง เนื่องจากไม่มั่นใจในความโปร่งใสของฝ่ายบริหาร

ฝ่ายค้าน ใช้ประเด็นนี้เป็นเครื่องมือเพื่อเรียกร้องการตรวจสอบ และอาจนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ภาพลักษณ์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของไทยถูกกระทบ เนื่องจากถูกมองว่าผู้นำอาจมีการเจรจาลับกับต่างชาติ

เกิดกระแสเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชัดเจน หรืออาจต้องยุบสภา หากไม่สามารถควบคุมเสถียรภาพได้

สถานการณ์ยังไม่จบ และขึ้นอยู่กับว่า: ฮุนเซนจะเปิดเผย “เร็กคอร์ด” หรือไม่ ฝ่ายไทยจะตอบสนองหรือชี้แจงอย่างไร พรรคร่วมและฝ่ายค้านจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด

หาก “เร็กคอร์ด” นั้นมีเนื้อหาชัดเจนเกี่ยวกับการใช้อำนาจผิดวัตถุประสงค์ หรือการเจรจาเกินขอบเขตรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้อาจลุกลามสู่ วิกฤตศรัทธาและการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งใหญ่ในประเทศไทย ดูหนังฟรีออนไลน์

Original title โหนกระแส EP1957

Director

Director

Cast

Similar titles

6 Balloons
PARADOX เดือด ซัด ดิบ
20th Century Girl (2022)
Retro แค้นข้ามเวลา (2025) บรรยายไทย
Missing (2023) เสิร์ชหา…แม่หาย!?
Lost Inside (2022) หายไปข้างใน
Fighting Beat (2007) อก 3 ศอก 2 กำปั้น
Papillon (1973) ปาปิยอง ผีเสื้อเสรีที่โหยหาอิสรภาพ
Asteroid: Final Impact (2015) บรรยายไทย
Shanghai ไฟรัก ไฟสงคราม (2010)
Quasi (2023) บรรยายไทย
You Won’t Be Alone (2022) บรรยายไทย

Leave a comment